
เบียร์ Hoegaarden เป็นเบียร์นอกแบรนด์หนึ่งที่สามารถหาซื้อได้ง่าย และมีรสชาติอันเป็นที่พึงพอใจของนักดื่มชาวไทยเป็นอย่างมาก เป็นเบียร์เอลประเภทวีทเบียร์ อีกทั้งวีทเบียร์ตัวนี้ยังมีเรื่องราวอันแสนยาวนาน ย้อนกลับไปประมาณเกือบ 600 ปีก่อน ในปีค.ศ. 1445 ณ หมู่บ้าน Hoegaarden ประเทศเบลเยียม
ช่วงเวลาที่เบียร์ยังเป็นเครื่องดื่มของชนชั้นสูง ผู้ที่ต้มเบียร์ในสมัยนั้นจะเป็นพวกนักบวช แต่เดิมแล้ววัตถุดิบหลักในการต้มเบียร์ก็มีอยู่ไม่กี่อย่าง มอลต์ ซึ่งเป็นข้าวสาร ฮ็อป ยีสต์ และน้ำแร่จากธรรมชาติ แต่แล้วโลกแห่งรสชาติก็ไม่จบอยู่แค่นั้น นักบวชยังได้คิดวิธีการ หรือการใส่ส่วนผสมอื่น ๆ เพิ่มเข้าไป อย่างเปลือกส้ม Curacao รวมถึงเมล็ดผักชีเพิ่มลงไปในเบียร์ โดยไม่ได้ผ่านการกรอง ทำให้เบียร์นั้นกลายเป็นเบียร์ที่มีรสชาติใหม่และดีเยี่ยม
หลังจากตอนนั้นเอง ทำให้หมู่บ้าน Hoegaarden กลายเป็นสวรรค์ของผู้ที่หลงใหลในเบียร์ ในช่วงประมาณศตวรรษที่ 19 หมู่บ้านแห่งนี้ได้มีโรงหมักเบียร์มากถึง 13 โรง และโรงกลั่นอีก 9 โรง แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ค่อย ๆ ปิดตัวไป หลังจากนั้นในปี 1965 Pierre Celis ก็ได้ทำการฟื้นฟูสูตรอันเก่าแก่นี้ขึ้นมาใหม่ และเบียร์ Hoegaarden ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นอีกครั้ง และได้รับความนิยมในเวลาอันรวดเร็ว ในต่างประเทศเราจะเห็น Hoegaarden อยู่หลายตัวเลยทีเดียว
แต่ในบ้านเราเท่าที่เห็นมีอยู่เพียง 3 ตัว นั่นคือตัวที่เป็นวีทเบียร์ มีแอลกอฮอล์อยู่ที่ 4.9 เปอร์เซ็นต์ Rosée มีแอลกอฮอล์อยู่ที่ 3 เปอร์เซ็นต์ และตัว Peace ซึ่งมีแอลกอฮอล์อยู่ 3 เปอร์เซ็นต์เช่นกัน

รสชาติที่ลงตัว
การที่เราจะดื่ม Hoegaarden นั้น เรามักจะคุ้นเคยกับวิธีการเสิร์ฟที่เป็นเอกลักษณ์ ตั้งแต่การเสิร์ฟในแก้วแปดเหลี่ยม จนถึงวิธีการรินเบียร์ที่มีความประณีตในทุกขั้นตอน ให้ดึงรสชาติของเบียร์ได้ออกมามีประสิทธิภาพมากที่สุด
Hoegaarden ตัวแรกที่เป็นวีทเบียร์จะมีสีเหลืองออกส้ม และค่อนข้างขุ่นตามสไตล์ของวีทเบียร์ มีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นเป็นอย่างมาก กลิ่นแรกที่คุณจะได้คือกลิ่น citrus จากเปลือกส้ม ตามมาด้วยกลิ่นของผักชี เป็นเบียร์ที่มีบอดี้นุ่มนวล มีความอมเปรี้ยวจากส้ม ไม่เหมือนเจ้าอื่นที่อาจจะมีความเปรี้ยว แต่นั่นมาจากการหมัก และไม่มีความขมเลย
ตัวต่อไปคือ Rosée เนื่องจากมีแอลกอฮอล์อยู่แค่ 3 เปอร์เซ็นต์ จึงนับว่าเป็นเบียร์ที่ค่อนข้างกินง่าย เหมาะสำหรับคนที่ชอบอะไรเบา ๆ และชอบความฟรุตตี้แบบเต็ม ๆ สีของตัว Rosée จะออกเป็นสีแดงทับทิม รสชาติมีความหวานนำ และเปรี้ยวตามมา กลิ่นเบอรี่มีความชัดเจนเป็นอย่างมาก ในขณะที่เรากินจะได้กลิ่นเบอร์รี่หอมฟุ้งเข้ามาในปาก
อีกตัวที่มีความคล้ายกันคือ Peace มีปริมาณแอลกอฮอล์เท่ากันเลย สีออกชมพูอ่อน คล้ายกับลิ้นจี่ และรสชาติมีความหวานกว่าตัว Rosée ส่วนตัวผมมองว่าตัวนี้แทบจะเป็นน้ำผลไม้ไปแล้ว ความเป็นเบียร์แทบไม่หลงเหลืออยู่เลย แต่ก็เหมาะสมกับคนที่ไม่ต้องการกินเบียร์หนัก ๆ (ตัวนี้เบากว่า Rosée เยอะเลยทีเดียว) กลิ่นพีชยังคงชัดเจน ทั้งตอนเมื่ออยู่ในแก้วและเมื่อเราดื่มเข้าไปในปาก

เบียร์ Hoegaarden วีทเบียร์ที่คุณจะหลงรัก
Hoegaarden เป็นวีทเบียร์ที่มีความเป็นตัวเอง มีเอกลักษณ์ชัดเจนเป็นอย่างมากทุกตัว (ที่วางขายบ้านเรา) ทั้งกลิ่นและรสชาติ แน่นอนว่าการเป็นวีทเบียร์จะไม่ได้อารมณ์แบบเบียร์ลาเกอร์แน่นอน หากใครเบื่อเบียร์ลาเกอร์ที่เป็นเจ้าตลาดของบ้านเรา ลองมองหาเอลดี ๆ สักตัว สำหรับผู้ที่จะเริ่มกินเอล Hoegaarden ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่เหมาะสม แล้วคุณจะรู้ว่าโลกของเบียร์นั้นยิ่งใหญ่ และมีความหลากหลายเป็นอย่างมาก เมื่อคุณเข้ามาสู่โลกแห่งเบียร์แล้ว คุณจะออกไปได้ยากเลยทีเดียว อยากให้ทุกคนได้ลองกันครับ กับเบียร์ Hoegaarden
เครดิตภาพ
บทความที่คุณอาจสนใจ