แชมเปญ มันคืออะไรหนอ หากกล่าวถึงเครื่องดื่มชนิดหนึ่งที่ค่อนข้างได้รับความนิยมในงานปาร์ตี้ หลายคนมักจะนึกถึงไวน์ และ แชมเปญ หลายคนรู้จักไวน์กันอยู่แล้ว แต่หลายคนยังไม่รู้จักแชมเปญ มันเป็นยังไง เหมือนไวน์ขาว หรือสปาร์คกลิ้งไวน์หรือเปล่า วันนี้เราจะมาว่าด้วยเรื่องของประวัติความเป็นมา ประเภทต่าง ๆ รวมถึงประเภทอาหารที่สามารถกินคู่กับแชมเปญของเราให้อร่อยที่สุดอีกด้วย
แชมเปญคืออะไร แล้วมาจากไหน
อันทีจริงแล้ว แชมเปญก็คือสปาร์คกลิ่งไวน์ชนิดหนึ่ง คล้ายกับไวน์ที่มีฟอง ดื่มแล้วจะให้ความรู้สึกสดชื่น แต่สิ่งที่ทำให้แชมเปญมีความแตกต่างจากสปาร์คกลิ้งไวน์คือ แชมเปญจำเป็นต้องใช้วัตถุดิบ และผลิตในเขตปกครองพิเศษแชมเปญ หรือชองปาญเท่านั้น (สมัยก่อนเป็นแคว้นแชมเปญ) ซึ่งวัตถุดิบ ในที่นี้หมายถึงวัตถุดิบหลักอย่างองุ่นที่ปลูกที่นี่นั้น จะมีความพิเศษและเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสภาพอากาศที่เหมาะสม หรือเร่องของดิน เหล่านี้มีผลต่อรสชาติขององุ่นที่จะนำมาทำทั้งสิ้น ดังนั้นแชมเปญจะต้องมาจากแคว้นแชมเปญเท่านั้น อาจจะกล่าวได้ว่า แชมเปญทุกตัวคือสปาร์คกลิ้งไวน์ แต่สปาร์คกลิ้งไวน์ทุกตัวไม่ใช่แชมเปญ เพียงแค่บางตัวเท่านั้น
ประวัติของเครื่องดื่มชนิดนี้ต้องเล่าย้อนไปในช่วงศตวรรษที่ 5 ในตอนนั้นฝรั่งเศสยังไม่ได้เป็นประเทศ พื้นที่แคว้นแชมเปญในขณะนั้นถูกปกครองโดยชาวโรมัน ซึ่งได้เพราะปลูกองุ่นไว้ที่นี่เพื่อใช้ในการทำไวน์ เนื่องจากพื้นที่บริเวณนี้มีอากาศที่หนาวเย็น เหมะสมกับองุ่น รวมถึงแร่ธาตุในดินค่อนข้างดีทีเดียว ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้ไวน์ของที่นี่มีรสชาติอร่อยและเป็นเอกลักษณ์อย่างมาก
เนื่องจากความหนาวเย็นของที่นี่ ทำให้ในกระบวนการหมักบ่มไวน์นั้นเกิดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้น ไวน์จะมีความซ่า ชาวฝรั่งเศสไม่ชอบ เพราะมองว่าเป็นไวน์ที่เสีย แต่ชาวอังกฤษมองต่างออกไป กลับชอบไวน์แบบนี้ จนในที่สุดในช่วงศตวรรษที่ 17 ไวน์ชนิดนี้ก็มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมในหมู่ชนชั้นสูงมาก และมักถูกใช้ในการดื่มในงานเฉลิมฉลองต่าง ๆ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ประเภทของแชมเปญ
แม้ว่าเราจะเรียกแชมเปญว่าเป็นสปาร์คกลิ้งไวน์ แต่เรื่องของเครื่องดื่มชนิดนี้มีความละเอียดอ่อนมากกว่านั้น แม้ในเขตแชมเปญก็ยังมีภูมิภาคที่แตกต่างกันถึง 5 ภูมิภาค สูตรการผสมหรือวัตถุดิบก็แตกต่างกันออกไป แชมเปญก็มีรสชาติที่แตกต่างกันแล้ว นอกจากนี้ยังมีการแบ่งแชมเปญออกเป็นประเภทต่าง ๆ ทั้งการแบ่งตามสไตล์ (ตามวัตถุดิบและวิธีการทำ) ตามอายุขององุ่นที่ใช้ และตามระดับความหวาน
การแบ่งตามสไตล์การผลิตแชมเปญนั้นสามารถแบ่งได้ 3 แบบด้วยกัน แบบแรกเรียกว่า Blanc de Blancs ซึ่งจะเป็นการใช้องุ่นขาว 100 เปอร์เซ็นต์ ส่วนใหญ่จะใช้องุ่นพันธุ์ Chardonnay แต่ก็จะมีการผสมองุ่นพันธุ์อื่น ๆ แล้วแต่สูตรของแต่ละที่ แบบที่ 2 คือ Blanc de Noirs ซึ่งจะใช้องุ่นแดง 100 เปอร์เซ็นต์ ส่วนใหญ่จะใช้พันธุ์ Pinot Noir ผสมกับ Pinot Meunier แบบสุดท้ายคือ Rosé คือการนำเปลือกขององุ่นแดงไปแช่ในน้ำองุ่นแดงเพื่อทำให้เกิดสีและรสฝาดของเปลือก เรียกว่า saignée หรือบางทีอาจมีการผสมไวน์แดงลงไปเล็กน้อย เรียกว่าวิธี d’assemblage
การแบ่งตามอายุขององุ่นที่ใช้และเวลาในการบ่ม สามารถแบ่งได้ 3 แบบเช่นกัน ได้แก่ Vintage Champagne จะใช้องุ่นที่ทำการเก็บเกี่ยวภายในปีเดียวเท่านั้น และใช้เวลาบ่มอย่างน้อยเป็นเวลา 3 ปี องุ่นของแต่ละปีจะมีรสชาติที่แตกต่างกัน ขึ้นกับปัจจัยหลากหลายมากมาย แบบที่ 2 เรียกว่า Non-vintage Champagne ซึ่งเป็นการใช้องุ่นจากหลาย ๆ ปีมาผสมกันตามสูตรของแต่ละเจ้า ใช้เวลาหมักน้อยกว่าแบบแรก ไม่เกิน 15 เดือน แบบสุดท้ายเรียกว่า Cuvée de prestige ตัวนี้จะมีราคาแพงที่สุด เป็นแชมเปญที่ได้มาจากการคั้นน้ำองุ่นในน้ำแรก ซึ่งจะมีปริมาณที่น้อยมากในแต่ละปี อาจเป็นแบบ Vintage Champagne หรือ Non-vintage Champagne ก็ได้
แบบสุดท้ายจะเป็นการแบ่งตามระดับความหวาน ซึ่งแบ่งจากไม่หวานไปหวานมากได้ดังนี้ Brut Nature – Extra Brut – Brut – Extra Dry – Dry (หรือ Sec) – Demi-Sec – Doux การสร้างระดับความหวานของแชมเปญแต่ละขวดนั้นขึ้นอยู่กับการใส่ liqueur de dosage ลงไป (น้ำตาลอ้อยผสมกับไวน์ที่ทำมาจากองุ่นชนิดเดียวกันกับแชมเปญขวดนั้น ๆ)
การจับคู่แชมเปญกับอาหารต่าง ๆ
การกื่มแชมเปญคู่กับอาหารนั้น ส่วนใหญ่จะจับคู่กันตามระดับความหวานของแชมเปญต่าง ๆ หรืออาจจะเป็นกรรมวิธีในการผลิต (บางครั้ง) เพื่อช่วยให้เกิดความสมดุล รสของอาหารจะและแชมเปญจะอร่อยขึ้นเป็นเท่าตัวเลยทีเดียว
- แชมเปญที่มีความหวาน อย่างพวก Demi-sec สามารถกินคู่กับของหวาน อย่างป๊อปคอร์น
- แชมเปญที่ไม่หวาน หรือหวานน้อย เหล่านี้มักมีความสดชื่น และเนื่องจากรสชาติที่ไม่หวาน ดังนั้นจึงเหมาะกับอาหารรสไม่จัดมากนัก อย่างพวกเนื้อไก่ หรือล็อบสเตอร์
- Blanc de Blancs แชมเปญที่ทำจากองุ่นขาวจะมีกลิ่นหอมสดชื่นเหมาะกับการกินคู่กับอาหารทะเล เพราะความหอมนี้เองจะคอยดับกลิ่นคาวของอาหารทะเลได้ ยังกินคู่กับอาหารพวกชีสหรือเนยได้อีกด้วย
- แชมเปญ Rose ถือว่าเป็นแชมเปญที่มีความสมดุลที่สุด ดังนั้นจึงสามารถที่จะจับคู่กับอาหารได้มากมายหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นอาหารจำพวกเนื้อปลา เนื้อหมัก ไปจนถึงอาหารหนัก ๆ อย่างพิซซ่า หรืออาหารประเภทแกงของบ้านเราได้อย่างดี
แม้ว่าจะเป็นหนึ่งในประเภทของสปาร์คกลิ้งไวน์ แต่ก็มีความแตกต่างและรายละเอียดมากมายเลยทีเดียว ว่าแล้วก็อยากหาแชมเปญมาดื่มบ้าง ไม่ว่าจะเป็นอาหารมื้อพิเศษ หรืองานสังสรรค์ การได้เครื่องดื่มดี ๆ สักขวดมาดื่มคู่เป็นอะไรที่พิเศษอย่างยิ่ง
เครดิตภาพ
https://www.goodhousekeeping.com/
บทความที่อาจสนใจ IPA เบียร์ที่ใคร ๆ ก็หลงรัก